การเตรียมความพร้อมเข้าสู่สมาคมเศรษฐกิขอาเซียนและวิเคราะห์ถึงผลกระทบต่อการบริหารจัดการ
ในปี 2558 นี้
ประเทศไทยกำลังจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน
เราจึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่าคนไทยและภาคธุรกิจทุกแขนง ต้องตื่นตัว และเรียนรู้ภาษา
วัฒนธรรม ตลอดจนวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนด้วยกันให้มากขึ้น
เพื่อเป็นการเปิดโลกกว้าง
และเป็นจุดเริ่มต้นการเตรียมความพร้อมก้าวสู่ประชาคมอาเซียนในอนาคต
ดร.ทักษิณ ปิลวาสน์
นายกสมาคมผู้ประกอบการท่องเที่ยวระหว่างประเทศ กล่าวว่า
โอกาสและข้อได้เปรียบเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนด้วยกัน โดยเฉพาะการท่องเที่ยวไทย
ที่เห็นได้ชัดคือ การใช้ข้อได้เปรียบในการเป็นประตูสู่ภูมิภาค (Gateway to Asean) ของ AEC ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน
ขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านที่ความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับไทยอย่าง พม่า และ กัมพูชา
ก็มีนโยบายเปิดประเทศมากขึ้น นักท่องเที่ยวทั้งจากในและนอกภูมิภาค
สนใจในการเดินทางและการลงทุนใน 2 ประเทศดังกล่าวมากขึ้นทุกวัน
ทำให้ไทยยิ่งมีโอกาสจับกลุ่มนักท่องเที่ยวเชื่อมโยงมาไทยก่อนกระจายไปสู่เพื่อนบ้านได้
นายกสมาคมฯ กล่าวอีกว่า “เราได้เปรียบประเทศอื่นในหลายๆ
เรื่อง ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงและได้รับการยอมรับไปทั่วโลก
และเรายังเป็นเซ็นเตอร์ในการกระจายความเจริญ ความสะดวกในการเดินทาง
เป็นศูนย์กลางของสายการบิน นักท่องเที่ยวนั่งเครื่องมาลงกรุงเทพฯ
แล้วเดินทางไปทางรถออกมาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซียได้ ส่วนทางภาคอีสาน
ทางเหนือก็สามารถออกไปกัมพูชา เวียดนาม จีน จนถึงธิเบตได้
ในเรื่องอาหารการกินก็สมบูรณ์ ผู้คนก็น่ารัก ใครมาก็ประทับใจตลอด
นี่คือความได้เปรียบของเรา แต่ผมไม่อยากให้เราประมาท
เราต้องเตรียมพร้อมและต้องดึงเพื่อนบ้านมาเป็นมิตรให้ได้ ต้องไม่แข่งกัน
แต่ต้องสามัคคีและร่วมมือกันทำธุรกิจ นำตลาดตรงนี้ไปเสนออเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น
เกาหลี ฯลฯ ซึ่งในกลุ่มประเทศเหล่านี้เขาชอบประเทศไทยมากอยู่แล้ว”
สำหรับทางด้านของผู้ประกอบการการท่องเที่ยวนั้น
นายกสมาคมฯ กล่าวว่า “ต้องเปิดโลก
เปิดตา และส่งเสริมพนักงานที่มีฝีมือไปศึกษาดูงานต่างประเทศ ให้ทุนการศึกษาต่อระดับสูง
และจัดอบรมระยะสั้น เรียนรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในการค้าเสรีอาเซียน
ส่วนภาครัฐที่รับผิดชอบในด้านการท่องเที่ยว
ก็ต้องเรียกประชุมผู้ที่เกี่ยวข้องและให้ความรู้ในเรื่องอาเซียน ภาษา
การตลาดอย่างเร่งด่วน สอนให้รู้ว่าผู้ประกอบการจะเจอกับอะไร และจะพัฒนาองค์กรอย่างไรบ้าง
ที่สำคัญในเรื่องการตลาด
ที่ต้องให้ผู้ประกอบการหันมาพัฒนาเว็บไซต์และองค์กรให้ดียิ่งๆ ขึ้น
เพราะในขณะนี้โลกเปลี่ยนเป็นโลกไซเบอร์ไปแล้ว
นักท่องเที่ยวเปิดดูข้อมูลในอินเตอร์เน็ตได้จากทั่วโลก ฉะนั้น
ทำการตลาดต้องทำในรูปแบบใหม่ๆ เพื่อพร้อมรับความเปลี่ยนแปลง ในส่วนของพนักงาน คุณต้องมีความชอบในอาชีพ
ต้องเรียนรู้และศึกษาตลอด เมื่อมาทำงานก็อย่าเอาเรื่องเงินมาเป็นเรื่องใหญ่
ต้องมีใจรัก มีความอดทน ใจเย็น เวลาที่เราบริการดีๆ
นักท่องเที่ยวก็จะกลับมาใช้บริการเราอีก ทุกวันนี้ธุรกิจท่องเที่ยวขาดบุคลากรมาก
เพราะคนไทยเลือกงาน จบมาแล้วทำอะไรไม่เป็น เช็ดกระจกไม่ได้ เสิร์ฟน้ำก็ไม่ได้
เงินเดือนน้อยก็ไม่เอา มาถึงก็ขอทำงานสบายๆ ไม่คิดที่จะเรียนรู้
ผมจึงอยากฝากถึงน้องๆ ที่อยากทำงานบริการ
หรือด้านท่องเที่ยวว่าถ้าอยากทำงานด้านนี้ต้องปรับตัว ปรับทัศนคติ
ไม่ใช่เพิ่งจบมาแต่ต้องอยู่ที่ดีๆ หรูๆ งานหนักไม่เอา งานเบาไม่สู้ ก็จะหางานลำบาก
อาชีพเหล่านี้ก็จะตกไปอยู่ในมือของคนต่างชาติหมด” นายกสมาคม
กล่าว
ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวกลุ่มรัสเซีย
อินเดีย ศรีลังกา และเนปาลเข้ามามากขึ้น นายกสมาคมฯ บอกว่า “นักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ส่วนมากเข้ามาแล้วไม่ค่อยใช้จ่ายอะไร
แต่เข้ามาแย่งอาชีพ มาใช้ทรัพยากรของคนไทย โดยการขายทัวร์เองแล้วนำเงินกลับประเทศ
บางกลุ่มก็เข้ามาก่ออาชญากรรม
จึงอยากให้หน่วยงานของรัฐตรวจตราและเข้มงวดให้มากขึ้น ขอนักท่องเที่ยวที่มีคุณภาพ
อย่าเอาแต่ปริมาณแล้วมาสร้างปัญหาให้คนไทย นอกจากนี้ปัญหาที่สำคัญและส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวยิ่งกว่าภัยธรรมชาติก็คือปัญหาทางการเมือง
หากการเมืองยังเป็นเช่นนี้ ก็จะกลายเป็นปัจจัยที่ทำลายตัวเอง
ทำลายศักยภาพในการแข่งขัน เรื่องการเมืองจึงถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ
หากต้องการสร้างโอกาสในเวลาที่ประชาคมอาเซียนเป็นหนึ่งเดียว การเมืองของประเทศไทยจะต้องก้าวเข้าสู่วิถีของการปรองดองเท่านั้น
ทั้งหมดจึงมีคำตอบว่าโอกาสที่อาเซียนจะเป็นผลด้านบวกให้กับประเทศไทยในอนาคตข้างหน้านั้นไม่ใช่เรื่องง่าย
หากแต่คนไทยต้องปรับตัวเองเกือบทุกด้าน ทั้งในด้านการเมือง ภาคเอกชน
และคุณภาพของบุคลากรเพื่อแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้าน
ซึ่งกำลังจะล้ำหน้าประเทศไทยไปแล้ว ด้วยการหันหน้ามาสามัคคี ร่วมมือ
ร่วมใจกันเพื่อให้ประเทศพัฒนาไปได้อย่างยั่งยืนนั่นเอง